อวตาร!

คำ “อวตาร” หรือ “Avatar”  รากดั้งเดิมมาจากคติความเชื่อฮินดูว่าด้วยพระเจ้าโดยเฉพาะ “พระนารายณ์” ทำการแบ่งภาค ส่งจิตมาเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาบนพื้นพิภพเพื่อวัตถุประสงค์บางประการ อาจมาในรูปสัตว์ เช่น เต่า ปลา ฯลฯ แต่โดยส่วนใหญ่จะลงมาในร่างมนุษย์ เชื่อกันว่าในยุคนี้นับตั้งแต่มีมนุษยชาติบนโลก พระนารายณ์ได้อวตารมาแล้ว 9 ครั้ง เหลือครั้งสุดท้ายไม่รู้จะมาเมื่อไร (คงเร็วๆนี้ เผลอๆอาจ วนเวียนอยู่ในโลกเรียบร้อยแล้ว 🙂 ) เรียกชื่อปางว่า “กัลกยาวตาร” หรือ “อวตารปางอัศวินขี่ม้าขาว” เพื่อปราบยุคเข็ญบนโลก

ส่วน “Avatar (2009)” ภาพยนตร์โดยผู้กำกับคนเดียวกับภาพยนตร์โด่งดังระดับตำนานอย่าง Aliens, Terminator, และTitanic นั้นคือ “James Cameron/เจมส์ คาเมรอน”

เมื่อมนุษย์โลกต้องการบุกรุกยึดครองดาวชื่อ “Pandora-แพนโดรา” อันเป็นดาวประเภทดวงจันทร์อันไกลโพ้นดวงหนึ่ง อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี สิ่งมีชีวิตแปลกตานานาพันธุ์ และทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ดาวแพนโดรา มีสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับมนุษย์อาศัยอยู่คือ ชาว”เนวี่”  พิจารณาจากกายภาพแล้ว ชาวเนวี่ คงมีศักยภาพ+สมรรถนะหลายอย่างดีกว่ามนุษย์เรามาก สูงประมาณ 3 เมตร ตาเป็นประกาย ผิวสีฟ้า มีหาง ใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมพออยู่พอกินกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่ศักยภาพของสมองในการคิดค้นเทคโนโลยี-นวัตกรรม และโดยเฉพาะด้านจิตใจในแง่ด้านมืด อาทิ ความโหดเถื่อน-ละโมบ-ความเล่ห์กระเท่เห็นแก่ตัว ฯลฯ คงยังอ่อนด้อยล้าหลังห่างชั้นกว่ามนุษย์เราอย่างเทียบกันไม่ได้

และเมื่อมนุษย์ทดลองโปรเจคสุดล้ำที่ชื่อ “Avatar Project” ไม่ใช่การทดลองกับการอวตารของพระเจ้าอย่างในคติฮินดู แต่เป็นการอวตารของมนุษย์เสียเอง! นั้นคือการย้ายจิตมนุษย์ไปอยู่ในกายอื่น เสมือนการได้เกิดใหม่! นายทหารนาวิกโยธินผ่านศึกที่เคยได้รับบาดเจ็บจากสงครามจนเกิดเป็นอัมพาตครึ่งตัวเดินไม่ได้ นามว่า “Jake Sully-เจค ซัลลี่” ได้เข้าร่วมโครงการ Avatar นี้ แล้วก็ประสบผลสำเร็จ สามารถย้ายจิตไปอยู่ในร่าง ชาวเนวี่ มันจึงเหมือนการมีชีวิตใหม่ ทำให้เขากลับมาเดินได้อีกครั้งและสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อม-สภาพอากาศของดาวแพนโดราได้อย่างสบาย จึงได้รับมอบหมายให้ประกอบภาระกิจสำคัญ คือเป็น สายลับสอดแนม-รับหน้าที่บุกนำร่อง-สำรวจดาวแพนโดรา เพื่อมนุษย์จะได้ทำการยึดครองขุดแร่ธาติทรัพยากรต่อไป ส่วนชาวเนวี่ ก็ตระหนักถึงภัยของเผ่ามนุษย์โลกที่ทำกำลังย่างกรายเข้ามานี้และก็พยายามตระเตรียมรับมือรับต่อสู้เต็มความสามารถ แต่ก็หารู้ไม่ว่า เจค คือ หนอนบ่อนไส้! ที่พรางตัวมา

แต่เมื่อ เจค ซัลลี่ อันมีกายเป็นชาวเนวี่แล้วนั้นได้คลุกคลีเป็นแคลนเดียวกับชาวเนวี่ นานวันเข้าจึงรู้สึกผูกพันและเห็นใจมนุษย์ต่างดาวเผ่านี้ และที่เป็นปมเขื่องใหญ่สุดคือ… เจค เกิดพบรักกับ สาวชาวเนวี่ นางหนึ่ง!

– หนังเรื่องนี้ได้สะท้อนสัจธรรมอันโหดร้ายของวิถีชีวิตสปีซีส์ต่างๆในเชิงทฤษฎีวิวัฒนาการ”สปีชีส์ที่แข่งแกร่งกว่าย่อมครอบงำ-ทำลายผู้อ่อนแอเสมอ”

– สะท้อนความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์มนุษยชาติยุคใกล้อันสืบเนื่องจากความเชื่อมั่นในหลักการอันชอบธรรมในทฤษฏีวิวัฒนาการของดาร์วิน มนุษย์โลกบุกรุกดาวแพนโดราในเรื่อง Avatar ก็เป็นไปในทำนองเดียวกับ เมื่อชาวยุโรปค้นพบเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่คือปืนไฟ-เรือกลไฟและเครื่องจักรไอน้ำโดยเฉพาะเผ่าอังกฤษ-ฝรั่งเศส ด้วยเห็นว่าตนแข็งแกร่งแล้วจึงฮึกเหิมออกล่าอาณานิคมปล้นฆ่าชิงแผ่นดินสูบทรัพยากรคนอื่นไปทั่วโลก! ในนามของพระเจ้า ความศิวิไลซ์ และการค้าเสรี และขยายวงไปจนถึงปฏิบัติการบุกรุกยึดแผ่นดินอเมริกาปล้นฆ่าล้างโคตรเผ่าอินเดียแดง! รวมไปถึงเผ่าอะบอริจิ้นในทวีปออสเตรเรีย, ทั้งกวาดต้อนนิโกรในทวีปแอฟริกามาใช้เป็นทาส ฯลฯ จนพวกฝรั่งตะวันตกกลายเป็นจักรวรรดิมหาอำนาจ เป็นเจ้าโลกสืบเนื่องเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ( มองในกรอบ ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบตะวันตก การที่ผู้แข็งแกร่งจะบุกยึดทำลายข่มเหงใครนั้นก็เป็นความชอบธรรมตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้ามองในกรอบ “กฏแห่งกรรม” หรือ ธรรมะแบบโลกตะวันออก พวกฝรั่งเจ้าโลก หรือ พวกมนุษ์โลกในหนัง นับว่าชั่วช้าสามานย์ป่าเถื่อนเป็นอย่างยิ่ง คงต้องได้รับผลกรรมที่ตนได้ก่อไว้ย้อนกลับอย่างแน่นอนในภายภาคหน้า จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง!! )

– ตัวเอกที่ชื่อ นายเจค สะท้อนถึงผู้ที่มีความขัดแย้งของการมีใจอย่างแต่กายเป็นอีกอย่าง รวมทั้งสะท้อนสถานะการณ์อันแสนพะอืดพะอมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อต้องตัดสินใจเลือกข้างหรือการจำต้องเลือกบางอย่างโดยการทิ้งอีกอย่าง ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวเนื่องต่อมาว่า กายเป็นายเหนือจิต? หรือจิตเป็นนายเหนือกายกันแน่?

และท้ายที่สุด เจค พระเอกในเรื่อง ผู้ที่เดิมมีจิตเป็นมนุษย์ แต่กายเป็นมนุษย์ต่างดาว ก็ได้ชื่อว่าเป็นเสมือน ผู้อวตาร มาเพื่อต่อสู้กับฝ่ายอธรรม ช่วยปราบยุคเข็ญปกป้องคุ้มภัยผู้บริสุทธิ์ ตามคติฮินดูดั้งเดิม ก็ถือได้ว่าหนังเรื่อง Avatar (2009) นี้ เป็นอีกเป็นสุดยอดไซ-ไฟแห่งยุค ที่มีเรื่องราวสนุกสนานให้แง่คิด และยังเป็นหนังที่มีฉากอลังการตระการตาอีกตากหาก ใครพลาดไม่มีโอกาสดูก็เสียดายแย่ 🙂

Peerapat Chuejeen

Name : Peerapat Chuejeen "M" Tel : 086-5930737 E-mail : maspirecreation@gmail.com Facebook : www.facebook.com/peerapat.chuejeen Twitter : https://twitter.com/aspirecreation

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *